ฤกษ์คลอดบุตรที่ดีเป็นอย่างไร

หลายคนมักเข้าใจว่าหากบุตรที่เกิดนั้นผ่านการดูฤกษ์คลอดแล้ว บุตรที่เกิดมานั้นจะต้องเป็นบุตรที่ดี หรือมักคิดว่าฤกษ์คลอดบุตรที่ดีนั้นจะต้องส่งเสริมให้บุตรเป็นคนที่ดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการเงิน เป็นต้น ราวกับว่าการดูฤกษ์คลอดนั้นเป็นเหมือนพิธีกรรมหนึ่งที่จะทำให้บุตรที่เกิดมานั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแน่นๆ (ในมุมของผู้ปกครอง) เมื่อดูฤกษ์คลอดบุตรแล้วบุตรที่เกิดมานั้นจะต้องดีแน่ ๆ หรืออย่างน้อยก็มีคนรับรองแล้วว่าดี

แท้จริงแล้วการดูฤกษ์คลอดบุตรมิใช่เป็นการทำให้บุตรที่เกิดนั้นเป็นคนที่ดีหรือมีสิ่งที่ดีแก่บุตร แต่ฤกษ์คลอดบุตรนั้นสามารถบอกถึงจุดที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับบุตรได้ โดยศาสตร์แบบเก่าอาจจะบอกเพียงด้านดีและไม่ดีเพียง 2 ด้าน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นอาจะจะเป็นเพราะมีการใช้ดาวที่น้อย มีสูตรกำหนดตายตัวไว้ มีสูตรบอกว่าไม่ดีหรือดีๆ ให้คนเชื่อได้ง่าย ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสีเทาจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ดีและไม่ดี หรือข้อดีและข้อเสียของอุปนิสัยของบุตรนั้นย่อมมีอยู่ด้วยกันทุกฤกษ์ นั่นย่อมเป็นธรรมดาของคนทุกคนที่มีทั้งข้อดีและไม่ดีอยู่ในตัวเอง หากเป็นการดูฤกษ์คลอดของโหราศาสตร์แบบเก่า มักจะทำนายแบบขาวกับดำ หรือดี ไม่ดีแยกโดยเด็ดขาด ตามสูตรการทำนายแบบเก่า ส่วนในการเลือกฤกษ์คลอดนี้ผมก็จะบอกทั้งข้อดีและข้อด้อยของบุตร เพราะทุกช่วงเวลาที่คนจะเกิดนั้นย่อมมีทั้งอุปนิสัยบางอย่างที่โดดเด่นและด้อยอยู่ด้วยกันทุกช่วงเวลา เมื่อผมที่เป็นผู้ดูฤกษ์นั้นก็จำเป็นที่จะต้องบอกให้พ่อแม่ต้องทราบเอาไว้ก่อน (ตามความรู้ที่ผมจะดูได้)

ซึ่งพ่อแม่ของบุตรอาจไม่คุ้นกับการดูฤกษ์คลอดแบบนี้ เมื่อต้องมาได้ยินว่าบุตรที่จะเกิดนั้นมีอุปนิสัยที่เด่นในเรื่องใดและด้อยในเรื่องใด ก็อาจตกใจคิดว่าฤกษ์ที่เลือกนั้นเป็นฤกษ์ที่ไม่ดี แต่ก็อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า ทุกช่วงเวลานั้นส่งผลให้บุตรที่เกิดนั้นมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป และความดีหรือไม่ดีนั้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อหรือแม่เอาตนเองเป็นบรรทัดฐานในการตัดสิน เช่น พ่อ (หรือแม่) มีความคิดและอุปนิสัยเช่นไรก็มักจะคิดว่าของตนเองนั้นถูกหรือดีแล้ว หากผิดจากที่พ่อ (หรือแม่) นั้นมีเขาก็จะตัดสินว่าผิดได้

ยกตัวอย่างเช่น หากพ่อ (หรือแม่) เป็นคนที่ทำสิ่งใดได้รวดเร็ว เขาก็ย่อมถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี หากบุตรจะมีแบบเขาก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี หรือหากพ่อ (หรือแม่) เป็นคนที่ขยันทำงาน เขาก็ย่อมคิดว่าหากบุตรไม่มีความขยันก็คงจะเป็นบุตรที่ไม่ดี เป็นต้น ซึ่งคนทุกคนนั้นย่อมเอาความคิดและอุปนิสัยของตนเองเป็นที่ตั้งในการตัดสินบุคคลอื่นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะคนเรามีนิสัยอยู่จนชินเป็นพฤติกรรมอัตโนมัติไปแล้ว หากเราพบว่าใครมีนิสัยที่ต่างจากที่เราได้คาดหวังไว้เราก็อาจจะคิดว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ซึงจริงๆแล้วเป็นเพราะดวงของเขาต่างจากเรานั่นเอง ในทางกลับกันเขาก็อาจจะมองว่าเราทำอะไรที่แปลกหรือผิดไปได้

หากเราว่าว่าการที่บุตรนั้นไม่สามารถทำสิ่งใดได้รวดเร็วเช่นเรานั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ดี ในมุมมองของบุตรย่อมไม่คิดเช่นนั้น หากบุตรมิได้มีอุปนิสัยเช่นนั้น เขาก็ย่อมไม่ทำเช่นนั้นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เขาย่อมจินตนาการไม่ออกว่าเหตุใดจะต้องทำสิ่งใด ๆ อย่างรวดเร็ว เขาย่อมไม่คิดว่าเขาผิดหรือมีสิ่งใดที่ไม่ดี เพราะบุตรย่อมมีความคิดและนิสัยเป็นปรกติของเขาเอง

แม้ในเรื่องของความขยันที่พ่อแม่มักคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ความขยันนั้นก็ย่อมมีรายละเอียดของความขยันในแบบที่ต่างกันออกไป คนเรานั้นสามารถที่จะขยันในทางที่เป็นคุณหรือเป็นโทษก็ได้ และความขยันนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จ เพียงแต่เมื่อคนเป็นพ่อ (หรือแม่) มีความขยันที่โดดเด่น เขาจึงถือว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือสุดยอดแล้ว เขาจึงใช้เรื่องความขยันมาวัดว่าบุตรเป็นบุตรที่ดีหรือไม่ดี และความขยันที่บุตรมีนั้นก็อาจมิใช่ความขยันในแบบที่คนเป็นพ่อและแม่จะต้องการก็เป็นได้

จึงเป็นธรรมดาพ่อและแม่นั้นย่อมตัดสินว่าบุตรดีหรือไม่ดีโดยเอาความเป็นตนเองของพ่อและแม่เป็นผู้ตัดสิน (ความเป็นตนเองในที่นี้ย่อมมาจากรูปแบบความคิดและอุปนิสัย) ในทางกลับกันบุตรกลับมองว่าการมีอุปนิสัยบางอย่าง (หรือหลายอย่าง) ของพ่อ (หรือแม่) นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือผิดด้วยเช่นกัน เมื่อใดบุตรเติบโตมีวิจารณญาณเป็นของตนเองแล้ว บุตรย่อมคิดเปรียบเทียบตนเองกับพ่อและแม่ได้ เขาก็ย่อมกล่าวว่าพ่อและแม่ของเขามีสิ่ง (ความคิดและอุปนิสัย) ใดที่มันผิดหรือไม่ดี

ฉะนั้นแล้วการดูฤกษ์คลอดบุตรมิใช่เป็นการทำให้บุตรที่เกิดนั้นดี แต่เป็นเพียงการดูอุปนิสัยของบุตรในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งถูกกำหนดโดยดวงดาวในจักรวาล ณ ช่วงเวลานั้น ๆ อุปนิสัยของคนแต่ละคนนั้นคงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะมาตัดสินเอาเองได้ว่าแบบใดดีหรือไม่ดีแต่เพียงผู้เดียว การดูฤกษ์คลอดนั้นมิได้ตัดสินอยู่ที่แค่ว่าฤกษ์ดีหรือไม่ดี แต่ต้องรู้ด้วยว่าฤกษ์ดีที่เลือกไปนั้นมันดีต่อพ่อแม่ของบุตรอย่างไร เขาควรจะมีอุปนิสัยแบบนั้นสามารถเข้ากับพ่อแม่และคนในครอบครัวได้ หรือไม่เป็นอุปสรรคกับการอยู่ร่วมกับคนในครอบครัวมากจนเกินไป (การเลือกอุปนิสัยของบุตรนั้นย่อมอยู่ภายใต้ตำแหน่งของดวงดาว ณ ช่วงเวลานั้น) และที่สำคัญคือลักษณะอุปนิสัยของบุตรจะต้องเข้ากับกระแสโลกในอนาคตด้วย