ดาวเสาร์กับดาวเนปจูนมาคอลแลปส์กัน คือปรากฏการสำคัญในช่วงปี 2025 ถึง 2026

ดาวเสาร์ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 29.45 ปีโลก ส่วนดาวเนปจูนใช้เวลา 165 ปีโลก ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ การที่ดาวทั้งสองดวงมาโคจรครบรอบดวงอาทิตย์พร้อม ๆ กันจึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากในทางโหราศาสตร์

ดาวเสาร์จะเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลกในวันที่ 25 พ.ค. ปี 2025 เวลา 10.36 น.

และดาวเสาร์จะเคลื่อนกลับเข้าเรือนที่ 12 ของเรือนชะตาโลก ในวันที่ 1 ก.ย. ปี 2025 เวลา 15.06 น.

และหลังจากนั้นดาวเสาร์จะเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 ก.พ. ปี 2026 เวลา 07.12 น.

กล่าวคือ ดาวเสาร์จะเข้าออกเรือนที่ 1 กับ 12 ไปสองรอบ หลังจากนั้นดาวเสาร์ก็จะเข้าเรือนที่ 1 และไม่แกว่งกลับไปจนกว่าจะโคจรครบรอบดวงอาทิตย์

ดาวเนปจูนจะเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลกในวันที่ 30 มี.ค. ปี 2025 เวลา 19.01 น.

และดาวเนปจูนจะเคลื่อนกลับเข้าเรือนที่ 12 ของเรือนชะตาโลก ในวันที่ 22 ต.ค. ปี 2025 เวลา 16.47 น.

และหลังจากนั้นดาวเนปจูนจะเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 ม.ค. ปี 2026 เวลา 00.45 น.

หากเทียบเวลากันแล้วถือว่าทั้งสองดาวเข้าเรือนที่ 1 และกลับไปเรือนที่ 12 แล้วก็เข้าเรือนที่ 1 ในเวลาที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก และการที่ดาวทั้งสองดวงคอลแลปส์กันเช่นนี้ยิ่งส่งผลให้เกิดความหมายที่รุนแรงต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ดาวทั้งสองดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ และเมื่อข้ามเรือนชะตาโลกพร้อม ๆ กัน นั่นหมายความว่าเรื่องใหญ่ของมนุษย์สองเรื่องจะถึงคราวที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครรอดพ้นจากอีกพลของดวงดาวไปได้

ดาวเสาร์ มีความหมายโดยรวมว่า ความไม่ดี, ความเลว, ความชั่วร้าย, ความเสียหาย รวมไปถึงความหมายในแง่ลบทั้งหลาย เช่น การถูกกระทำในแบบที่ไม่ดี, การถูกเบียดเบียน, การถูกทำร้าย เป็นต้น แม้ไม่ใช่ความหมายของดาวเสาร์โดยตรง แต่สิ่งดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ไม่ดี สิ่งเลวร้าย แต่ก็ก่อให้เกิดความหมายของ การระวังในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งเลวร้ายได้ด้วยเช่นกัน

ดาวเนปจูนมีความหมายโดยรวมว่า ความไม่มี, ความเป็นนามธรรม, ความไม่จริง, ความที่ไม่สามารถระบุได้, ความไม่แน่นอน, ความไม่เที่ยง ส่งผลให้เกิดความหมายว่า จินตนาการ เมื่อดาวเนปจูนทำอิทธิพลกับดาวพุธ

เมื่อขณะที่ดาวเสาร์กับดาวเนปจูนนั้นอยู่ในเรือนที่ 12 ของเรือนชะตาโลก ทั้งสองดาวนนี้ย่อมให้ผลต่อมนุษย์ในแบบที่เป็นความหมายของมันเอง และแบบที่เป็นความหมายที่ผสมกันโดยอัตโนมัติ

เรือนที่ 12 ของเรือนชะตาโลกนั้น คือเรือนฝ่ายรับ หรือเรือนฝ่ายเบื้องหลัง นั่นคือประชาชนจะต้องเป็นฝ่ายรับอิทธิพลของดาวเสาร์กับดาวเนปจูน ประชาชนรับจากใคร ? ก็รับจากคนส่วนน้อย ซึ่งมักจะหมายถึง รัฐบาล, ผู้มีอำนาจ, ผู้ปกครอง, นายทุน หรือคนที่ทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือคนที่ทำตัวเป็นผู้ทำกระแสสังคมในบางครั้งบางคราวก็เป็นได้

เมื่อดาวทั้งสองดวงผสมความหมายกันอยู่ในเรือนที่ 12 นั้น สิ่งที่ประชาชนรับจากคนส่วนน้อย เช่น ประชาชนได้รับความหลอกลวงในแบบต่าง ๆ เช่น แก็งคอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงการไม่ทำตามสัญญาของรัฐบาลก็เทียบเท่าการหลอกลวงเช่นกัน เพราะถือเป็นการที่คนส่วนน้อยเอาความไม่แน่นอนให้ประชาชน, ประชาชนได้รับการกระทำที่ไม่ดีในแบบต่าง ๆ เช่น ประชาชนถูกเอาเปรียบในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคม ยกตัวอย่างเช่น ประชาชนได้รับความเสียหายจากสิ่งก่อสร้างของนายทุน หรือจากกฏหมาย หรือจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือจากอินฟลูฯ ทั้งหลายก็ได้ เป็นต้น การที่ประชาชนถูกทำร้าย หรือถูกเบียดเบียนจากคนอันธพาล หรือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นก็เช่นกัน คนเหล่านี้ก็ถือเป็นคนส่วนน้อยที่ส่งความเป็นดาวเสาร์และดาวเนปจูนให้ประชาชนคนส่วนใหญ่เช่นกัน

นอกจากนี้การที่ประชาชนโดนภัยธรรมชาติและภัยสงครามก็เช่นกัน เมื่อดาวเสาร์กับเนปจูนรวมกัน ก็จะมีความหมายว่า การทำลาย, การฆ่า, การสูญสลาย, ความไม่ได้อะไร, ความหมดตัว ได้ด้วยเช่นกัน และผู้ที่รับก็คือประชาชน และผู้ที่ให้การทำลายนั้นนอกจากเป็นคนส่วนน้อยแล้วก็ยังเป็นโลกเองด้วย ซึ่งก็มาในรูปแบบของภัยพิบัตินั่นเอง สงครามก็เช่นกัน สงครามในยุคนี้คือสงครามที่คนส่วนน้อย หรือผู้ปกครองเป็นผู้ก่อ มิใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ ประชาชนจึงไม่ได้อะไรจากสงคราม มีแต่ได้ความสูญเสีย

แต่เมื่อดาวเสาร์และดาวเนปจูนเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลกแล้ว ความหมายมันก็จะเปลี่ยนจากผู้รับกลายเป็นผู้ให้แทน ความหมายของดาวเสาร์กับดาวเนปจูนมีความหมายยังไงก็เป็นอย่างนั้น แต่เปลี่ยนจากเดิมที่ประชาชนเป็นผู้รับดาวเสาร์กับดาวเนปจูน ก็กลายมาเป็นประชาชนเป็นผู้ให้ดาวเสาร์กับดาวเนปจูนบ้าง และผู้รับก็คือคนส่วนน้อยตามที่กล่าวไปนั่นเอง

เมื่อดาวทั้งสองดวงผสมความหมายกันอยู่ในเรือนที่ 1 นั้น จะกลายเป็นว่า ประชาชนส่งความไม่แน่นอน, ความไม่จริง, การปิดบังตนเอง, ความหลอกลวง ต่อคนส่วนน้อย เช่น รัฐบาล (และอื่น ๆ ตามที่กล่าวไป)

ในบางประเทศประชาชนอาจประท้วงใหญ่ไล่รัฐบาล หรืออาจมีการประท้วงที่รุนแรง เพราะดาวเสาร์รวมกับเนปจูน มันคือ การทำลาย, การทำให้ไม่มี หรือหากมีการประท้วงก็อาจเป็นการประท้วงแบบไร้แกนนำ หรือไม่เปิดหน้า ไม่เปิดเผยตัว เพราะดาวเนปจูนส่งผลให้ประชาชนต้องปิดบังตนเอง แต่ก็ยังต้องส่งความเป็นดาวเสาร์ที่มีความหมายว่า ความไม่ดี, ความชั่วร้าย หรือการทำลาย, ความเสียหาย ด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องวิเคราะห์กันต่อไป

จากเดิมประชาชนถูกคนส่วนน้อยเอาเปรียบ ถูกเบียดเบียน มาคราวนี้ประชาชนจะเอาคืนบ้าง นั่นคือ รัฐบาล, ผู้มีอำนาจ, นายทุน, อินฟลูฯ ต้องเสียเปรียบประชาชน ต้องยอมประชาชน จะต้องรับสิ่งไม่ดีที่ประชาชนเอาให้ หากใครยังต้องการเป็นรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจในแบบต่าง ๆ ก็จะต้องยอมประชาชน

นี่คือความหมายคร่าว ๆ ของดาวเสาร์กับดาวเนปจูนเมื่อเข้าเรือนที่ 1 ของเรือนชะตาโลก แต่ถึงอย่างไรนั้น ดาวเสาร์ก็จะอยู่ในเรือนที่ 1 ไม่นานก็จะเข้าเรือนที่ 2 ในวันที่ 13 เม.ย. ปี 2028 เวลา 10.40 น. ซึ่งเมื่อเข้าเรือนที่ 2 แล้ว ความหมายของดาวเสาร์ ที่ว่า ความไม่ดี, ความเลว, ความชั่วร้าย, ความเสียหาย ฯลฯ นั้นก็จะค่อยลดความเข้มข้นลงไป นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่ดาวเสาร์อยู่ในเรือนที่ 1 ในช่วงตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ปี 2025 ถึง วันที่ 13 เม.ย. ปี 2028 ก็จะเป็นช่วงที่ประชาชนส่งออกความเป็นดาวเสาร์อย่างรุนแรง รวมแล้วประมาณ 3 ปี