มนุษย์มีอิสระจริงหรือ ?

มนุษย์เรานี้มีอิสระจริงหรือ ? เราจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรามีหรือเป็นนั้นคือความเป็นอิสระอย่างแท้จริง แล้วอิสระนั้นมีอยู่ที่ใด ? อยู่ภายนอกตัวหรืออยู่ภายใน ? หรือสิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งที่เราคิดเอาเองว่ามันเป็นความอิสระ หรือเรากำลังแสวงหาความเป็นอิสระในแบบที่เราคิดว่านั่นคืออิสระของเรา ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม้แต่ความเป็นอิสระที่คนเราต้องการนั้นก็เป็นเพียงสมมุติหนึ่งที่ทำให้เราไปหลงติดในสมมุตินั้น หากคนเราจะต้องเที่ยวแสวงหาความเป็นอิสระทั้งภายนอกและภายในอย่างนี้ไม่เท่ากับเป็นการหลงยึดติดกับสิ่งที่คิดว่านั่นเป็นอิสระหรือ ? หากว่ามนุษย์ยังมีสิ่งที่ยังต้องติดข้องอยู่ไม่อาจที่จะหลุดพ้นได้ นั่นก็หมายความว่ามนุษย์นั้นย่อมยังไม่มีอิสระอย่างแท้จริง แต่เมื่อเราพบกับสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอิสระอย่างแท้จริงแล้ว เหตุใดเราจึงยังต้องแสวงหาความมีอิสระนั้นต่อไปอีกเล่า ? หรือความเป็นอิสระที่เราแสวงหานั้นมันยังไม่ใช่อิสระที่แท้จริงที่จะพาให้เราเป็นอิสระไปด้วยแล้วไม่ต้องเที่ยวไปแสวงหาอิสระที่ไหนอีก หรือแท้จริงแล้วมนุษย์เรานี้อาจไม่มีวันที่จะเป็นอิสระได้อย่างแท้จริงก็ได้

ลองคิดดูว่าสิ่งใดที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นคนของคนแต่ละคนได้ดีมากที่สุด ความเป็นอัตลักษณ์ของคนนั้นย่อมไปสุดอยู่ที่ “นิสัย” ของคนแต่ละคนนั่นเอง ความเป็นนิสัยของคนนั้นย่อมบ่งบอกได้ถึงความเป็นคนของคน ๆ นั้น ความเป็นนิสัยนี้แหละที่มีติดตัวเป็นประจำตัวคนแต่ละคนอยู่ตลอด ไม่ว่าเราจะกล่าวว่านิสัยนั้นเกิดจากอะไรก็ตาม แต่เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่านิสัยเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวคนไปจนวันตาย นิสัยนี้คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของคนแต่ละคนได้ดีที่สุด เพราะคนเราเป็นที่จดจำของใคร ๆ ได้ก็เพราะนิสัยของคน ๆ นั้นเป็นหลัก แม้ว่าหากจะมีบุคคลใดที่หน้าตาเหมือนคนที่เรารู้จัก แต่เขาคนนั้นไม่มีนิสัยเหมือนกับคนที่เรารู้จักนั้น เราก็คงจะต้องถือว่าเขาเป็นคนละคนกัน เพราะความเป็นนิสัยของคนแต่ละคนนั้นยากที่จะเหมือนกันได้ นิสัยของคนจึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมีตัวตนของคน ๆ นั้น

นิสัยนั้นแท้จริงแล้วมันก็มาจากรูปแบบความคิดของคน ๆ นั้นนั่นเอง หากคน ๆ นั้นมีความคิดใดที่โดดเด่นเขาก็มักจะถูกเรียกว่าเป็นคนที่มีนิสัยในแบบนั้นได้เสมอ การกล่าวว่าคน ๆ นั้นมีนิสัยเป็นเช่นไรนั่นก็เป็นการประมวลเอารูปแบบความคิดที่โดดเด่นบางอย่างของคน ๆ นั้นเอามาจับเป็นนิสัยนั่นเอง ความคิดนั้นก็มีส่วนที่จะกลายเป็นภาพของนิสัยของบุคคลนั้นไปได้ นิสัยของคนแต่ละคนที่เห็นนั้นจึงเกิดมาจากรูปแบบความคิดในแบบใดแบบหนึ่งที่บุคคลนั้นมีความเป็นปรกตินั่นเอง นิสัยจึงเป็นสิ่งที่มีประจำตัวคนทุกคน การที่คนทุกคนมีนิสัยประจำตัวของแต่ละคนนั่นย่อมเป็นการแสดงให้เราเห็นได้แล้วว่ามนุษย์นี้ไม่มีความเป็นอิสระมาตั้งแต่ต้น เมื่อมีสิ่งใดที่ถูกกำหนดให้มีมาอย่างนั้นตั้งแต่ต้น นั่นก็หมายความว่าสิ่งนั้นถูกกำหนดมาอย่างนั้นและไม่มีอิสระเป็นของมันเอง หรือหากจะมีอิสระก็จะเป็นอิสระที่ถูกกำหนดมาให้เป็นในแบบนั้น

นิสัยคือสิ่งที่บ่งบอกว่ามนุษย์นั้นไม่มีความเป็นอิสระ

การที่มนุษย์มีนิสัยประจำตัวเป็นของตนเองนั่นก็ย่อมหมายความว่ามนุษย์นั้นถูกกำหนดให้เป็นมาเช่นนั้น มนุษย์นั้นจะต้องคิดและทำตามนิสัยที่ถูกกำหนดให้มีมาเช่นนั้น เพราะคนเรานั้นไม่สามารถที่จะเลือกนิสัยที่ตนเองอยากจะเป็นได้เลย หรืออาจจะไม่สามารถที่จะคิดได้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดเราถึงได้มีนิสัยเป็นเช่นนี้ หากคนเรานั้นเป็นเจ้าของนิสัยของตนเองจริง หรือมีความเป็นอิสระจริง ๆ นั้น เขาจะต้องเป็นนายเหนือนิสัยที่เขามีอยู่เป็นอันดับแรก และเขาก็จะต้องมีสามารถที่จะเปลี่ยนนิสัยของตนเองให้เป็นในแบบใดก็ได้ เมื่อเขาเปลี่ยนนิสัยไปเป็นแบบอื่นได้ เขาก็ย่อมต้องเปลี่ยนนิสัยนั้นไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ไปติดอยู่กับนิสัยใดนิสัยหนึ่ง เป็นคนที่สามารถเลือกได้ว่าวันนี้เขาจะใช้นิสัยแบบใดและวันต่อ ๆ ไปเขาจะใช้นิสัยแบบใด เปรียบดังคนที่สามารถเปลี่ยนนิสัยตนเองให้เป็นอีนคนหรือในแบบอื่นได้ด้วยตนเอง หากเป็นเช่นนี้เราถึงกล่าวได้ว่ามนุษย์นี้มีอิสระอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งใดที่จะมากำหนดเราได้แม้แต่ความเป็นนิสัยของคนแต่ละคน แต่ในความเป็นจริงนั้น คนเราย่อมมีนิสัยที่เป็นรูปแบบประจำตัวและติดตัวไปตลอดชีวิต ตัวเรานี้ไม่สามารถที่จะทิ้งนิสัยของตนเองแล้วเปลี่ยนไปใช้นิสัยของบุคคลอื่นได้เลย

บ่อยครั้งที่เรามักจะจินตนาการว่าหากเราเป็นบุคคลอื่น เราก็มักจะคิดถึงความเป็นตัวเราที่มีนิสัยในแบบเรานี้ไปใส่ในสถานภาพของคนที่เราจินตนาการว่าเราอยากจะเป็น เราไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ง่าย ๆ เลยว่าหากเราได้เป็นบุคคลอื่นในแบบที่เป็นนิสัยของคนอื่นนั้นมันจะเป็นเช่นไร เพราะเรานั้นถูกผูกติดอยู่กับความเป็นตัวตนหรือนิสัยของเราเอง เมื่อใดที่เราคิดว่าตัวเราเปลี่ยนไปมีนิสัยในแบบอื่น มันจึงทำให้เราเกิดความรู้สึกที่สูญเสียความเป็นตัวเองไป แสดงให้เห็นว่าความเป็นอัตตาหรือตัวตนของคนนั้นย่อมเป็นความไม่มีอิสระไปในตัว หากมนุษย์มีอิสระอย่างแท้จริง มนุษย์นั้นจะต้องไม่มีนิสัยอะไรเลย กล่าวคือ ไม่มีรูปแบบความคิดใด ๆ ที่โดดเด่นจนเป็นนิสัยของตนเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคนทุกคนก็จะต้องมีนิสัยกลางที่เสมอเหมือนกันทุกคน เราจะไม่สามารถแยกได้ออกและมองไม่เห็นถึงความแตกต่าง (ในเชิงนิสัย) ของคนของแต่ละคนเลย กลายเป็นว่าคนทุกคนนั้นไร้อัตตาหรือตัวตนใด ๆ อย่างสิ้นเชิง ความคิดของคนคนหนึ่งก็ย่อมต้องเสมอเหมือนกับความคิดของคนทุกคน คนทุกคนมีอิสระที่จะคิดและใช้นิสัยใด ๆ และเลิกใช้นิสัยใด ๆ ก็ได้ การใช้ความคิดใด ๆ ก็เป็นเพียงแค่การหยิบยืมเอามาใช้เท่านั้น หากจะมีความแตกต่างใด ๆ ก็อาจจะเป็นเพียงความแตกต่างที่มาจากหน้าที่ทางสังคมเท่านั้น

การที่เราสามารถที่จะจดจำนิสัยของคนอื่น ๆ เช่น เพื่อนคนนั้นเป็นคนขี้น้อยใจ, พ่อของเราเป็นคนที่คิดแต่แง่ดี, แม่เป็นคนที่ชอบทำสิ่งที่แตกต่างจากผู้อื่น, เป็นต้น นิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นภาพรวมนิสัยทั้งหมดของคน ๆ นั้น (แม้ว่าเราอาจไม่สามารถที่จะอธิบายนิสัยของคน ๆ ได้ทั้งหมดก็ตาม) เราอาจเห็นนิสัยของคนเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีแล้วว่า คนทุกคนล้วนมีนิสัยเป็นของตนเองและไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากนิสัยของตนเองได้เลย ไม่ว่าความหลุดพ้นหรืออิสระในอุดมคติของเราขะเป็นแบบใด สุดท้ายแล้วคนทุกคนก็ย่อมต้องกลับมาอยู่กับนิสัยหรือความเป็นตัวตนของตนเองอยู่นั่นเอง แม้ในบางขณะเขาอาจจะสลัดนิสัยของตนเองไร้สิ่งที่จะบอกถึงความเป็นตัวตนของตนเองไปได้ แต่หากเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนโลกตามปรกติอย่างไรเสียเขาก็ย่อมต้องดึงความเป็นตัวตนของเขากลับมาเช่นเดิม และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถละวางนิสัยของตนเองแม้จะเป็นแค่นิสัยบางส่วนหรือเพียงแค่ช่วงเวลาอันสั้นเลย การที่เราสามารถจดจำหรือคาดการณ์ได้ว่าบุคคลอื่นจะคิดหรือทำสิ่งใดนั้นก็เป็นผลมาจากการที่บุคคลนั้นมีนิสัยประจำตัวของเขานั่นเอง และเขาไม่สามารถที่จะไปมีนิสัยเป็นอย่างอื่นไปได้ หากมิใช้เพราะเขามีสติหรือมีการควบคุมนิสัยของเขาได้

ความคิดเห็นและความรู้นั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่นิสัยยังอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเรานั้นก็ย่อมมีอยู่เช่นกัน แม้นิสัยจะเป็นสิ่งที่มีประจำตัว แต่สิ่งจำพวก ความคิดเห็น, ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ บางครั้งเราก็อาจเกิดความสับสนคิดไปได้ว่าเราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวตนหรือนิสัยของเราไปได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เปลี่ยนก็คือความรู้และประสบการณ์ที่เขามีมากขึ้นต่างหาก เมื่อคนมีความรู้และประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้น เขาย่อมนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ควบคุมนิสัยและความต้องการของตนเองได้ในบางครั้ง หรือช่วยทำให้เขามีสติมากขึ้น เมื่อเขามีการควบคุมตนเองได้มาก เช่น คนเราสมัยเด็กอาจจะทำสิ่งใด ๆ โดยขาดความยั้งคิดไปได้ แต่เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็มีสติยั้งคิดในการทำสิ่งใด ๆ มากขึ้น การมีสตินี้นั่นแหละที่จะเป็นตัวช่วยให้คนนั้นสามารถที่จะควบคุมนิสัยของตนเองได้ เมื่อเราควบคุมนิสัยของตนเองได้เราจึงเกิดความรู้สึกว่านิสัยของเราบางอย่างได้เปลี่ยนไป และสิ่งที่เป็นความคิดเห็น, ทัศนคติ, ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ นั้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราควบคุมนิสัยของตนเองได้ไม่มากก็น้อย เช่น โจรที่มีความเชี่ยวชาญในการขโมยของ แม้เห็นโอกาสที่จะขโมยได้ แต่เขาก็อาจจะเลือกที่จะไม่ขโมยก็ได้ในบางครั้งที่เขาเห็นว่ามีความเสี่ยง นั่นมิได้หมายความว่าโจรนั้นเปลี่ยนนิสัยได้ แต่โจรไม่เลือกที่จะขโมย เพราะอาจจะเคยถูกจับได้มาแล้ว ประสบการณ์ใด ๆ ก็ตามจะมีส่วนในการตัดสินใจในครั้งต่อ ๆ ไปของเขาเสมอ ซึ่งอาจทำให้เขาควบคุมตนเองและมีสติมากขึ้น หรือประสบการณ์อาจทำให้เขาเห็นถึงโทษของการเป็นโจรและทำให้เขาเลิกเป็นโจรได้ในที่สุดก็เป็นได้ แต่นิสัยของเขานั้นก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่เปลี่ยนไปก็ผลักดันให้เขาต้องไปเปลี่ยนจากการขโมยไปทำสิ่งอื่นที่มีเขาเห็นว่ามีลักษณะที่เขาคิดว่ามีทดแทนกันได้

แต่แม้ความคิดของเราจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เราอาจมีทัศนคติต่อเรื่องใด ๆ ในแบบที่เปลี่ยนแปลงไปได้ แต่นั่นก็มิได้แสดงถึงความมีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริงเลย เพราะหากมนุษย์เรานั้นมีอิสระที่จะคิดสิ่งใด ๆ ก็ได้จริง คนทุกคนก็ย่อมต้องคิดในเรื่องใด ๆ ได้ในแบบเดียวกันเช่นกัน และเมื่อคนทุกคนสามารถที่จะคิดในเรื่องใด ๆ ได้เสมอกันแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าไม่มีใครที่จะมีความคิดเห็นที่โดดเด่นหรือด้อยกว่าใครเลยเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงนั้นคนแต่ละคนก็ย่อมมีความคิดในแบบที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นเรื่องเดียวกันแต่ก็มีทัศนคติที่ต่างกันไป ไม่สามารถที่จะมีความคิดเห็นที่เหมือนกันได้ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าคนทุกคนแม้จะมีความคิดเห็นของตนเอง แต่ก็ไม่มีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริงได้เลย แม้ความความคิดเห็นหรือความรู้จะเป็นสิ่งที่สิ่งต่อจากคนสู่คนได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกความคิดเห็นหรือความรู้ที่เราจะรับเอามาเป็นความคิดเห็นหรือความรู้ของเรา แม้เราจะอยากได้ความรู้นั้นมาเป็นของเรา แต่ความคิดเห็นที่มีต่อความรู้นั้นก็ย่อมเป็นไปตามรูปแบบความคิดที่เป็นในแบบของเราเอง เราไม่สามารถที่จะใช้ความคิดในแบบเดียวกับนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกได้ และในทางกลับกันนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะคิดในแบบที่เราคิดได้ทั้งหมด หากมนุษย์นั้นมีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริง คนทุกคนในโลกนี้ก็ต้องมีความคิดที่สามารถทดแทนกันได้ เพราะคนทุกคนสามารถที่จะคิดแทนกันได้ มนุษย์นั้นแม้จะมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง ซึ่งดูเหมือนกับว่าคนทุกคนล้วนมีความคิดได้อย่างอิสระ แต่ในทางปฏิบัติแล้วคนทุกคนต่างคิดได้อย่างจำกัดในแบบของตนเอง คนทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องขอความคิดเห็นจากบุคคลอื่นอยู่เป็นปรกติ เพราะลำพังตนเองคิดเองนั้นก็ไม่สามารถใช้ความคิดได้ครอบคลุมและครบถ้วนไปเสียทุกเรื่อง

นี่จึงแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ความคิดของคนก็มีรูปแบบที่ถูกกำหนดเอาไว้เป็นของคนแต่ละคนเช่นเดียวกับรูปแบบของนิสัยที่ประจำตัวของคนเช่นกัน คนเรานั้นมักหลงคิดไปว่าตนเองนั้นมีอิสระทางความคิดสามารถที่จะคิดในสิ่งใด ๆ ก็ได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสามารถที่จะคิดได้ตามรูปแบบความคิดที่อยู่ประจำตัวตนของเขานั่นแหละ มันก็เท่ากับเป็นการใช้ความคิดตามรูปแบบที่ตนเองมีเท่านั้น มันทำให้เราหลงคิดไปว่าคนเรานี้สามารถที่จะคิดได้อย่างอิสระ แต่เหตุใดเราถึงยังสามารถที่จะจดจำหรือคาดได้ว่าคนที่เรารู้จักทั้งหลายนั้นเขามีความคิดเห็นต่อเรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างไร เช่น เราพอจากคาดได้ว่าเพื่อนของเราคนนั้นเขามีทัศนคติทางการเมืองเป็นอย่างไร หรือเรารู้ว่าคนในครอบครัวของเราคิดอย่างไรกับการทำงานของเรา เป็นนี้เป็นต้น หรือเรามักยินคำกล่าวที่ว่า คนแต่ละคนนั้นมีความคิดที่หลากหลายและแตกต่างกันไป และคนเราจะต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่น คำกล่าวเช่นนี้ย่อมสะท้อนว่าแท้จริงแล้วคนเรานี้มีรูปแบบความคิดที่เป็นของตนเอง และคิดได้ตามรูปแบบความคิดของแต่ละคน

อิสระจากอัตตาทั้งปวงหรือได้มีอัตตาอย่างอิสระ

หากการที่มนุษย์ทุกคนต้องดำรงค์ความเป็นอัตตาของตนเองเพื่อที่จะทำหน้าที่ในทางโลกของคนแต่ละคน ความคิดหรือความพยายามที่จะหลุดพ้นจากอัตตาของตนเองให้หมดออกไปนั้นก็คงเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ หากเทียบกับการที่คน ๆ นั้นนำความเป็นตัวตนของตนเองไปสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและเพื่อนมนุษย์ได้ ความเป็นอิสระจากอัตตาทั้งปวงนี้จึงอาจเป็นสิ่งที่เราได้แค่เพียงรู้เท่านั้น เพราะมันมิได้ส่งเสริมให้เกิดการอยู่ร่วมกันของเพื่อมนุษย์อย่างผาสุขได้โดยตรง ความมีอิสระที่มนุษย์ต้องการนั้นก็เป็นเพียงอิสระจากสิ่งที่ถูกกำหนดดดยมนุษย์ด้วยกันเองเสียมากกว่า นั่นคือคนทุกคนย่อมต้องการที่จะมีอิสระในแบบที่ตนเองต้องการ มีอิสระในการที่เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ใช้นิสัยของตนเองในแบบที่ตนเองเป็น แม้ว่าเราจะมิได้เป็นผู้เลือกที่จะมีนิสัยในแบบนั้น แต่เราทุกคนก็ต้องรักษาและปกป้องความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่เราอาจไม่เคยคิดเลยก็ได้ว่าเหตุใดเราจึงเป็นเราดังเช่นที่เป็นอยู่นี้ ซึ่งการคิดใคร่คราวถึงความเป็นอัตตาที่มีติดตัวมาในแต่ละคนก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไร้สาระไปซะทั้งหมด เพราะมันทำให้เราได้คิดว่ามนุษย์เรานี้ก็อาจจะไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น แม้จะมีวิวัฒนาการสูงกว่าสัตว์อื่น แต่มนุษย์ก็ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของธรรมชาติบางอย่างอยู่ หากนิสัยเป็นสิ่งที่มีอยู่ประจำตัวของคนแต่ละคน ซึ่งเขาก็ไม่ได้เป็นผู้เลือกที่จะมีตัวตนหรือนิสัยในแบบนั้น และก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนนิสัยของตนเองได้อย่างอิสระ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่ามนุษย์นี้อาจมิใช่เป็นผู้ที่กำหนดเหตุปัจจัยของความเป็นมนุษย์ของตนเองเสียแล้ว