โหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์

โหราศาสตร์มีความเป็นวิทยาศษสตร์ได้หรือ ? ฟังดูแล้วมันขัดกับความเชื่อของใครหลาย ๆ คนมากว่า โหราศาสตร์จะเป็นวิทยาศาสตร์ไปได้อย่างไร ? ผมขอบอกว่าเมื่อมนุษย์มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์จนถึงที่สุดหรือในระดับที่สูงมากพอที่จะค้นพบดวงดาวในจักรวาลได้มากกว่าแสนดวงอย่างในปัจจุบันนี้แล้ว สุดท้ายแล้วโหราศาสตร์จะต้องมีความเป็นวิทยาศาสตร์ตามไปด้วยอย่างแน่นอน ก่อนอื่นเราต้องแยกแยะกันระหว่าง ดวงดาวในจักรวาลกับโหราศาสตร์ออกจากกันก่อน สองอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกันแต่มันก็เกียวข้องกัน คนหลายคนมักไม่ได้แยกสองสิ่งนี้ออกจากกัน พอได้ยินคำว่า “ดวงดาว” ก็ไปคิดเอาถึงโหราศาสตร์หรือการทำนายด้วยดวงดาวอย่างใดอย่างหนึ่งทันที และภาพจำของโหราศาสตร์ในแบบของเขาก็จะเกิดขึ้น หากเราเหมารวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน เราก็อาจจะมองเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวเป็นเรื่องของความเชื่อหรือความงมงายไปได้ง่าย ๆ และการเหมารวมก็อาจถือเป็นความเชื่อของคนที่เหมารวมไปด้วยเช่นกัน เพราะเขามองภาพว่าเรื่องของดวงดาวเป็นเรื่องของความเชื่อไปเสียทั้งหมด

ดวงดาวที่ถูกค้นพบแล้วถือว่ามีอยู่จริงตามหลักวิทยาศาสตร์

ดวงดาวในจักรวาลเป็นวัตถุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ดวงดาวส่วนใหญ่ในระบบสุริยะจักรวาลนี้มีมาก่อนที่จะมีโลกและมีมนุษย์ แม้ดาวบางดวงจะเพิ่งค้นพบทีหลัง แต่นั่นไม่ใ่ชประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือดวงดาวเป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และถูกยืนยันด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ว่าดวงดาวเหล่านั้นมีอยู่จริง (ตามการค้นพบ) แม้ว่าอาจจะมีใครที่ไม่เชื่อในการค้นพบเพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถจับต้องได้ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรข้อมูลและหลักฐานในการค้นพบย่อมไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะคิดขึ้นเอาลอย ๆ โดยผ่านการพิสูจน์ อย่างน้อยเราสามารถยอมรับในระดับที่ว่าดวงดาวนั้นผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ๆ มิใช่สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นเอาเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ายิ่งมีความเจริญก้าวหน้าทางดาราศาสตร์มากเท่าไหร่ ยิ่งจะเป็นการยืนยันถึงความมีอยู่ของดวงดาว (เฉพาะที่ค้นพบแล้ว) ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าดวงดาวอื่น ๆ ที่ยังไม่มีการค้นพบนั้นเราตั้งสมมุติฐานว่ามันมีอยู่แต่เมื่อไรที่ถูกค้นพบได้ตามหลักการวิทยาศาสตร์นั่นย่อมเป็นการยืนยันว่าสิ่งนั้นมีอยู่อย่างแท้จริง นี่เราพูดกันถึงในยุคที่มนุษย์มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก การกล่าวถึงดวงดาวของผมอาจจะมีสองบริบทคือ กล่าวถึงดวงดาวในลักษณะที่ว่าเป็นดวงดาวที่ถูกค้นพบแล้วและถูกยืนยันด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ กับอีกบริบทหนึ่งคือ กล่าวถึงดวงดาวทั้งหมดรวม ๆ ในฐานะที่ทำนายใช้ในโหราศาสตร์

โหราศาสตร์คือหลักวิชาการพยากรณ์โดยการอ้างอิงดวงดาว

เรื่องของการมีอยู่ของดวงดาวนี้ยังไม่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ วิชาโหราศาสตร์นั้นมันมาทีหลัง วิชาโหราศาสตร์คือหลักการพยากรณ์โดยการอ้างอิงดวงดาว มนุษยเอาดวงดาวที่เห็นได้มาใช้ในการทำนายโดยดูจากตำแหน่งของดวงดาวที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้น หลักการในการทำนายก็มีแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากคือการอ้างอิงตำแหน่งของดวงดาวกับบุคคลหรือเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น โหราศาสตร์จึงเป็นเพียงวิชาการทำนายที่นำดวงดาวมาใช้ในการทำนาย โหราศาสตร์มิได้ทำหน้าที่ยืนยันความมีอยู่ของดวงดาวแต่อย่างใด โหราศาสตรเป็นเพียงศาสตร์ที่มีจุดยืนว่าดวงดาวนั้นมีอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อมนุษย์ มนุษย์มีความเชื่อว่าดวงดาวน่าจะมีอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อโลกและมนุษย์ จึงได้มีคนคิดหลักการในการทำนายโดยใช้ดวงดาวในการทำนาย ซึ่งหลักการทางโหราศาสตร์ที่นำมาใช้นี่แหละที่จะเป็นตัวบอกให้เราทราบได้ว่า โหราศาสตร์นั้นอยู่บนความเชื่อหรืออยู่บนหลักวิทยาศาสตร์

การที่หลักการทางโหราศาสตร์อันใดอันหนึ่งนั้นมีลักษณะหลักการที่เป็นไปในเรื่องของความเชื่อหรือพิธีกรรมใด ๆ ก็ตาม นั่นก็มิได้หมายความว่าโหราศาสตร์จะเป็นเรื่องของความเชื่อไปทุกโหราศาสตร์ และก็ยังไม่ใช่คำตอบว่าดวงดาวจะมีหรือไม่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ นั่นเพราะหลักการที่เขานำมาใช้พิสูจน์นั้นยังไม่ใช่หลักการที่อยู่บนความเป็นวิทยาศาสตร์ หากเราต้องการจะพิสูจน์ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อมนุษย์หรือไม่เราก็ต้องใช้หลักการทางโหราศาสตร์ที่อยู่บนหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ หากเรายังยึดถือหลักการที่เป็นความเชื่ออยู่เราก็จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซ้ำยังจะยิ่งทำให้โหราศาสตร์ถูกเหมารวมไปว่าเป็นเรื่องของความเชื่อความงมงายไปอีกด้วย ในเมื่อปัจจุบันนี้มนุษย์มีความเจริญก้าวหน้าทางดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก ดวงดาวที่ถูกค้นพบมีจำนวนเป็นแสน ๆ ดวงเป็นอย่างน้อย นั่นหมายความว่าดวงดาวเหล่านั้นถูกยืนยันแล้วว่ามีอยู่จริง ฉะนั้นแล้วหลักการทางโหราศาสตร์นั้นก็สามารถที่จะพัฒนาให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ได้เช่นกัน

โหราศาสตร์เป็นได้ทั้งความเชื่อและวิทยาศาสตร์

เหตุใดโหราศาสตร์จึงกลายเป็นเรื่องของความเชื่อ หากเราแยกเรื่องดวงดาวกับหลักการทางโหราศาสตร์ออกจากกันเราจะเห็นได้ว่า ทั้งสองเรื่องนี้มีความสอดคล้องกันไปตามยุคสมัยและส่งผลถึงภาพลักษณ์ของโหราศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันนี้ เราต้องมองว่าดวงดาวนั้นเป็นวัตถุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แม้ว่าในสมัยก่อนจะไม่มีเทคโนโลยีใดมาก แต่มนุษย์ก็ยืนยันการมีอยู่ของดวงดาวด้วยสายตาได้ ดวงดาวนั้นมันก็เป็นเพียงวัตถุที่ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดใด ๆ ดวงดาวไม่สามารถที่จะสร้างภาพลักษณ์ใด ๆ ให้แก่ดวงดาวมันเองได้ แต่โหราศาสตร์เป็นสิ่งที่มนุษย์คิดเพื่อที่จะไขปริศนาว่าดวงดาวมีผลอย่างไร โหราศาสตร์นี้แหละจึงเป็นสิ่งที่มาสร้างภาพลักษณ์ให้กับดวงดาว ทั้งที่จริงแล้วดวงดาวที่มีอยู่นั้นมันมีความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่ในตัว แต่การนำดวงดาวไปใช้นั้นกลับกลายเป็นเรื่องของความเชื่อไปจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็เพราะหลักการทำนายไม่สอดคล้องกับความมีอยู่จริงของดวงดาวนั่นเอง หากมนุษย์พิสูจน์ได้แล้วว่าดวงดาวมีอยู่จริงแล้วหากจะมีใครต้องการจะนำดวงดาวนั้นไปใช้ทำนาย หลักการทำนายนั้นก็ควรต้องปรับเปลี่ยนใหม่ให้อยู่บนหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้องกับดวงดาวที่มีอยู่จริงนั้นด้วย

ภาพลักษณ์ของโหราศาสตร์ที่เป็นเรื่องของความเชื่อนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับว่าโหราศาสตร์นั้นทำนายแม่นหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าดวงดาวกับหลักการทางโหราศาสตร์นั้นสอดคล้องกันหรือไม่ กล่าวคือ ในยุคปัจจุบันที่ดาราศาสตร์เจริญก้าวหน้ามาก มีการคำนวณตำแหน่งของดวงดาวได้อย่างแม่นยำ นั่นหมายความว่าวัตถุที่เรานำมาอ้างอิงในการทำนายนั้นมีความเป็นวิทยาศาสตร์รองรับอยู่แล้ว จึงสมควรให้หลักการทางโหราศาสตร์จะต้องมีการทำนายที่เป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน และสิ่งนี้สามารถทำได้ และแม้ว่าทั้งดวงดาวและหลักการทำนายจะมีความเป็นวิทยาศาสตร์สอดคล้องกันแล้ว แม้การทำนายนั้นจะมีความผิดพลาดแต่ก็จะไม่ทำให้หลักการทางโหราศาสตร์นั้นกลายเป็นความเชื่อไป เพราะวิทยาศาสตร์คือการมุ่งค้นหาความจริงเป็นหลัก ในที่นี้ก็คือมุ่งค้นหาความจริงว่า ดวงดาวในจักรวาลนั้นมีอิทธิพลต่อมนุษย์หรือไม่และอย่างไร เมื่อพบความผิดพลาดก็ย่อมต้องแก้ไขหลักการได้เพื่อการค้นหาความจริง ผิดกับหลักการทำนายที่เป็นเรื่องของความเชื่อที่มักจะเน้นความแม่นยำในการทำนายเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงหลักการทำนาย แต่มักจะเน้นการใส่องค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อเสริมให้เกิดความแม่นยำและปกปิดความผิดพลาด เช่น การใส่เรื่องความเชื่อทางศาสนา, ความเชื่อเรื่องกรรม เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้หลักการทางโหราศาสตร์นั้นย่อมไม่อยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ (และผู้ทำนายก็มิได้ยึดหลักเช่นนั้นอยู่แล้ว) โหราศาสตร์มักจะมีภาพลักษณ์ไปในทางความเชื่อเสมอ

แต่อย่างไรก็ดีการที่จะบอกว่าโหราศาสตร์ที่อยู่บนหลักวิทยาศาสตร์นั้นดูจะเป็นเรื่องแปลกหรือของใหม่ในยุคปัจจุบัน นั่นก็เพราะหลักการทางโหราศาสตร์ในแบบเก่านั้นได้สร้างภาพให้กับโหราศาสตร์ทุก ๆ แบบมานาน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีโหราศาสตร์ที่มีหลักการที่พัฒนาไปเป็นอย่างมาก แต่ภาพของโหราศาสตร์ที่เป็นเรื่องของความเชื่อก็ยังคงฝังแน่นอยู่