ผมเคยได้โพสเรื่องของดาว Ixion มาแล้ว เกี่ยวกับการโคจรข้ามเรือนชะตาโลกเรือนที่ 9 เข้าสู่เรือนที่ 10 แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดใด ๆ มาก แต่โพสนี้ผมจะลงรายละเอียดให้ผู้อื่นได้เข้าใจเกี่ยวกับดวงดาวนนี้มากยิ่งขึ้น (ในการอธิบายจำเป็นต้องกล่าวถึงทฤษฎีเรือนชะตาเพื่ออ้างอิงในหลักการทำนายด้วยแต่ผมจะกล่าวอย่างสรุปโดยย่อเพื่อไม่ให้เป็นการยืดยาวจนเกินไป ผู้อ่านสามารถไปตามอ่านได้จากบทความในภาคทฤษฎี) ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงดวงดาวที่ชื่อ “Ixion” ที่กำลังโคจรข้าม “เรือนชะตาโลก” จากเรือนชะตาโลกที่ 9 เข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 10 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อคนบนโลก หลักการทำนายมีเป็นหลักการที่ยึดหลักความเป็นเหตุเป็นผล มิใช่หลักการทำนายที่ต้องอาศัยความเชื่อหรือพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น การทำนายนี้มิใช่การทำนายที่เป็นการวิเคราะห์ไปตามสถานการณ์ แต่เป็นการทำนายจากผลที่เกิดขึ้นตามระบบเรือนชะตาที่มีการคำนวณตามหลักดาราศาสตร์ รวมไปถึงผลที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตจากการโคจรข้ามเรือนชะตาโลกของดาวดวงนี้ และดาว Ixion เป็นดวงดาวที่มีอยู่จริงได้รับการรับรองทางดาราศาสตร์สากลและมีการคำนวณปฏิทินดวงมาอย่างแน่นอนแล้ว
Read Moreเรือนชะตาโลก
“เรือนชะตาโลก” คือ จักรราศี โดยแบ่งราศีต่างเป็นเรือนชะตา 12 เรือน เรือนชะตาโลกที่ 1 คือ ราศีเมษ และเรียงลำดับไปจนครบ 12 ราศี คือ 12 เรือน
เรือนชะตาโลกออกเป็นสองแบบ คือ
- เรือนชะตาโลกที่อยู่ประจำตัวของคนแต่ละคน
- เรือนชะตาโลกที่เคลื่อนตัวไปอยู่ ณ ปัจจุบันทุกขณะ
โหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ Part 3
ต่อไปจะเป็นหลักการในเบื้องต้นที่จะต้องมีเพื่อให้หลักการทำนายนั้นมีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถทพิสูจน์ได้ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อมนุษย์หรือไม่
โหราศาสตร์ต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงล้วนมีอิทธิพลต่อมนุษย์
เรื่องของจำนวนดวงดาวที่นำมาใช้ทำนายนี้ เราต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงล้วนมีอิทธิพลเสมอกันหมด เพราะเราไม่มีอำนาจหยั่งรู้ใดที่จะบอกได้ว่าดวงดาวนั้นมีอิทธิพลแต่ดวงดาวอื่นไม่มี อย่างนี้จะเป็นการเลือกใช้ดวงดาวตามอคติของคน หากเรามีสมมุติฐานว่าดวงดาวน่าจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในการพิสูจน์เราก็ต้องถือเอาดวงดาวทุกดวงว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ ไม่ควรที่จะเลือกเฉพาะดาวดวงใดดวงหนึ่งและตัดดาวดวงใดออกไป หากดวงดาวที่เป็นวัตถุที่อยู่นอกโลกนี้จะมีอิทธิพลต่อมนุษย์นั่นย่อมหมายความว่าดวงดาวทุกดวงก็ต้องล้วนมีอิทธิพลต่อมนุษยเสมอเหมือนกัน แต่ในทางสสารหรือพลังงานใด ๆ ที่ต่างกันของดวงดาวแต่ละดวงก็มีโอกาสที่ดวงดาวแต่ละดวงจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในแบบที่แตกต่างกันไป ที่ผมกล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า หากดวงดาวจะมีอิทธิพลก็ต้องมีอิทธิพลทุกดาว เพราะถือว่าเป็นดวงดาวเสมอกัน แต่หากจะมีดวงดาวที่มีอิทธิพลและมีดวงดาวที่ไม่มีอิทธิพล อย่างนี้ยิ่งจะดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก และเราจะไม่สามารถตอบได้เลยว่าเหตุใดดาวดวงหนึ่งมีอิทธิพลแต่ดาวดวงอื่น ๆ ไม่มีอิทธิพล แต่ทางที่สมเหตุสมผลมากที่สุดคือ หากดวงดาวจะมีอิทธิพลต่อมนุษ์มันก็ย่อมต้องมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในทุก ๆ ดวงดาว และหากดวงดาวจะไม่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ดาวทุกดวงก็ต้องไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่อมนุษย์เลย อีกด้านหนึ่งหากเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อมนุษย์ได้แม้แต่เพียงแค่ดวงเดียวนั่นก็ย่อมหมายความได้ว่าดวงดาวดวงอื่น ๆ ก็จะต้องมีอิทธิพลด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบว่าดาวดวงอื่น ๆ นั้นมีอิทธิพลอะไร แต่ก็ย่อมมีมูลให้เชื่อได้ว่ามีอิทธิพล
Read Moreโหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ Part 2
โหราศาสตร์ต้องเป็นกฎของดวงดาวมิใช่กฎที่มนุษย์คิดขึ้นเอาเอง
ดังที่กล่าวไปแล้วจะเห็นได้ว่าโหราศาสตร์ในแบบเก่านั้นคือลักษณะที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยม ควรถือเป็นศาสตร์ที่หยุดการพัฒนาแล้วหรืออาจมีแต่ก็ไม่มาก คือไม่มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับความเจริญทางดาราศาสตร์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในปัจจุบันมีการค้นพบดวงดาวในระบบสุริยะอย่างน้อยก็หลักแสนดวงแล้ว มีการคำนวนปฎิทินดาวที่มีความแม่นยำ หากเราจะมีสมมุติฐานว่าดวงดาวน่าจะมีอิทธิพลอย่างใดต่อมนุษย์เสียแล้ว การพิสูจน์นั้นจะต้องยึดกฎของดวงดาวเป็นหลัก มิใช้ยึดในกฎที่คนสร้างขึ้นมาเอง กฎของดวงดาวก็คืออย่างน้อยเราต้องยึดถือตำแหน่งของดวงดาวตามความเป็นจริง และต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงนั้นล้วนแต่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ด้วย แต่อาจจะมีอิทธิพลในแบบที่แตกต่างกันไป มิใช่จะยึดว่ามีดวงดาวเพียงแค่ไม่กี่ดวง (ดวงอาทิตย์ไปจนถึงดาวพลูโต เป็นต้น) เท่านั้นที่มีผลต่อมนุษย์ แต่ดาวดวงอื่นไม่มี หลักการอย่างนี้ดูน่าตลกมาก เราไม่สามารถตัดสินว่าดาวดวงใดมีผลและดาวดวงใดไม่มีผล ส่วนดาวที่ไม่รู้จักเราก็ถือว่ามันไม่มีผลอย่างนี้หรือ ?
Read Moreโหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์
โหราศาสตร์มีความเป็นวิทยาศษสตร์ได้หรือ ? ฟังดูแล้วมันขัดกับความเชื่อของใครหลาย ๆ คนมากว่า โหราศาสตร์จะเป็นวิทยาศาสตร์ไปได้อย่างไร ? ผมขอบอกว่าเมื่อมนุษย์มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์จนถึงที่สุดหรือในระดับที่สูงมากพอที่จะค้นพบดวงดาวในจักรวาลได้มากกว่าแสนดวงอย่างในปัจจุบันนี้แล้ว สุดท้ายแล้วโหราศาสตร์จะต้องมีความเป็นวิทยาศาสตร์ตามไปด้วยอย่างแน่นอน ก่อนอื่นเราต้องแยกแยะกันระหว่าง ดวงดาวในจักรวาลกับโหราศาสตร์ออกจากกันก่อน สองอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกันแต่มันก็เกียวข้องกัน คนหลายคนมักไม่ได้แยกสองสิ่งนี้ออกจากกัน พอได้ยินคำว่า “ดวงดาว” ก็ไปคิดเอาถึงโหราศาสตร์หรือการทำนายด้วยดวงดาวอย่างใดอย่างหนึ่งทันที และภาพจำของโหราศาสตร์ในแบบของเขาก็จะเกิดขึ้น หากเราเหมารวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน เราก็อาจจะมองเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวเป็นเรื่องของความเชื่อหรือความงมงายไปได้ง่าย ๆ และการเหมารวมก็อาจถือเป็นความเชื่อของคนที่เหมารวมไปด้วยเช่นกัน เพราะเขามองภาพว่าเรื่องของดวงดาวเป็นเรื่องของความเชื่อไปเสียทั้งหมด
Read More