Neptune ในเรือนชะตาโลก ตอนที่ 2

Neptune มีความหมายหลักว่า ความไม่แน่นอน เมื่อยู่ในเรือนชะตาโลกจะมีความหมายว่า ความเป็นนามธรรม, ความจับต้องไม่ได้, ความไม่มีรูปธรรม, ความไม่มีแก่นสาร, ความไม่มีสาระ, ไม่มีตัวตน, ความไม่มีอะไร

ในตอนนี้ผมจะกล่าวถึง Neptune ในความหมายของความไม่จริง, ความหลอกลวง เป็นหลัก

ในขณะที่ Neptune อยู่เรือนชะตาโลกี่ 12 นั้นประชาชนจะได้แต่ความไม่จริง, การโกหก, หลอกลวง จากกลุ่มที่เป็นคนส่วนน้อย เช่น รัฐบาล, ผู้ปกครอง, ผู้มีอำนาจ, เผด็จการณ์, ทุนผูกขาด, ดารา, คนดัง เป็นต้น คนเหล่านี้ถือเป็นคนส่วนน้อยของสังคม การที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ได้รับความเป็น Neptune ก็จะมาจากคนส่วนน้อยกลุ่มดังกล่าวนั่นเอง

ต้องเข้าใจก่อนว่าเมื่อ Neptune อยู่ในเรือนชะตาโลกที่ 12 นั่นคือสิ่งที่ประชาชนจะต้องได้รับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าประชาชนส่วนใด ๆ จะอยากรับ Neptune หรือไม่อยากรับ หรือจำยอมต้อง Neptune หรือได้รับ Neptune โดยไม่รู้ตัวก็ตาม ประชาชนก็ต้องได้รับ Neptune ตามบริบทของแต่ละคนไป

Read More

Neptune ในเรือนชะตาโลก ตอนที่ 1

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดาว Neptune เข้าเรือนโลกที่ 1 ตอนที่ 1

ดาว Neptune จะเข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 1 ในวันที่ 30 มี.ค. ค.ศ.2025 (เวลา 19.01น.) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนโลกนี้ ซึ่งแต่ละมุมโลกก็อาจเป็นไปในเรื่องที่แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละที่ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็จะเป็นไปตามความหมาของอิทธิพลของดาว Neptune

Neptune มีความหมายหลักว่า ความเป็นนามธรรม, ความจับต้องไม่ได้, ความไม่มีรูปธรรม, ความไม่มีแก่นสาร, ความไม่มีสาระ, ไม่มีตัวตน, ความไม่มีอะไร

ขณะนี้ Neptune ยังอยู่ในเรือนชะตาโลกที่ 12 ใกล้เส้นแบ่งเรือนที่ 12 กับ 1 เต็มที่ กล่าวคือใกล้จะข้ามเรือนชะตาแล้ว โดยปรกติ Neptune ใช้เวลาเดินทางในเรือนชะตาโลกที่ 1 ถึง 12 ครบรอบนั้นก็อาจใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยปี หรือบางรอบก็อาจจะมากว่าหรือน้อยกว่านั้น แต่ครั้งนี้ใกล้จะมาถึงชนิดที่เรียกว่าปลายจมูกแล้วจริง ๆ

Read More

ฤกษ์คลอดบุตรที่ดีเป็นอย่างไร

หลายคนมักเข้าใจว่าหากบุตรที่เกิดนั้นผ่านการดูฤกษ์คลอดแล้ว บุตรที่เกิดมานั้นจะต้องเป็นบุตรที่ดี หรือมักคิดว่าฤกษ์คลอดบุตรที่ดีนั้นจะต้องส่งเสริมให้บุตรเป็นคนที่ดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการเงิน เป็นต้น ราวกับว่าการดูฤกษ์คลอดนั้นเป็นเหมือนพิธีกรรมหนึ่งที่จะทำให้บุตรที่เกิดมานั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแน่นๆ (ในมุมของผู้ปกครอง) เมื่อดูฤกษ์คลอดบุตรแล้วบุตรที่เกิดมานั้นจะต้องดีแน่ ๆ หรืออย่างน้อยก็มีคนรับรองแล้วว่าดี

แท้จริงแล้วการดูฤกษ์คลอดบุตรมิใช่เป็นการทำให้บุตรที่เกิดนั้นเป็นคนที่ดีหรือมีสิ่งที่ดีแก่บุตร แต่ฤกษ์คลอดบุตรนั้นสามารถบอกถึงจุดที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับบุตรได้ โดยศาสตร์แบบเก่าอาจจะบอกเพียงด้านดีและไม่ดีเพียง 2 ด้าน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นอาจะจะเป็นเพราะมีการใช้ดาวที่น้อย มีสูตรกำหนดตายตัวไว้ มีสูตรบอกว่าไม่ดีหรือดีๆ ให้คนเชื่อได้ง่าย ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสีเทาจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

Read More

วันทั้ง 7 วัน ไม่สามารถใช้ทำนายได้

วันทั้ง 7 ในที่นี้ที่ผมจะกล่าวถึง วันใน 1 อาทิตย์ (วันอาทิตย์ ถึง วันเสาร์)

วันทั้ง 7 วันนี้เราได้ใช้กันมานานมากตั้งแต่ยุคที่เรายังเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลาง ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่รอบโลก ณ ขณะนั้นเรายังคงมองเห็นดาวเคราะห์แค่ 5 ดวง, ดวงจันทร์ 1 ดวง, ดวงอาทิตย์ 1 ดวง รวมเป็น 7 ดวง มนุษย์ ณ ขณะนั้นจึงกำหนดวันมา 7 วัน และใช้ทำปฏิทินใช้เรื่อยมา (ปัจจุบันพบดาวเคราะห์มี 7 ดวง เพิ่ม ดาวยูเรนัส, ดาวเนปจูน)

โดยวันแต่ละวันจะถูกกำหนดจากการหมุนตัวของโลกเกิดกลางวันและกลางคืน วันจะถูกนับไปเรื่อย ๆ 7 วัน แล้วขึ้นสัปดาห์ต่อไปวนไปเรื่อย ๆ หากเราตรวจสอบดูแล้วการนับวันไม่ได้ยึดโยงธรรมชาติที่จะทำนายได้เลย

สิ่งที่จะบอกว่าวันทั้ง 7 วัน ไม่สามารถนำมาทำนายได้ก็คือ วันในแต่ละวันไม่มีจุดให้ตรวจสอบได้ว่านั้นถุกต้องจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากเราหมดสติจนไม่รู้ว่ากี่วันแล้ว แล้วเรารู้สึกตัวขึ้นมาเราจะตรวจสอบจากธรรมชาติได้อย่างไรว่าวันนี้คือวันอะไร

ตัวอย่างเวลาของมนุษย์ที่ตรวจสอบได้คือ ข้างขึ้นข้างแรม เพราะเป็นเวลาที่มนุษย์เรียกตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราสามารถตรวจสอบข้างขึ้นข้างแรมได้จากการดูแสงที่ดวงจันทร์ เช่น ดวงจันทร์เต็มดวง ก็จะใกล้เคียงกับวัน ขึ้น 15 ค่ำ

บางท่านยังคงสงสัยว่าถ้าวันทั้ง 7 วัน ไม่มีผลต่อการทำนาย เท่ากับว่าคนเกิดคนละวันก็ไม่ต่างกันนะสิ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่แตกต่างกันคือดาวในเรือนชะตาที่ต่างกัน เช่น คนที่เกิดวันอาทิตย์อีกคนวันจันทร์ห่างกัน 1 วัน ดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปแล้ว 10 องศา ในส่วนนี้คือส่วนที่ต่างกันจริง แต่หากจะนับไปอีก 7 วัน เอาวันอาทิตย์เหมือนกันแต่ดาวในเรือนชะตาก็แตกต่างกันมาก

การที่วันทั้ง 7 ใช้ทำนายไม่ได้ แต่เรายังใช้กันอยู่เพราะเราใช้ตาม ๆ กันมา คนใช้เยอะเราจึงคิดว่าถูก

18 ม.ค. 64 มีดาวพระเคราะห์น้อยดวงสำคัญกำลังจะข้ามเรือนชะตาโลก

ดาวพระเคราะห์น้อยดวงหนึ่งมีความหมายว่า “การจัดการ” กำลังจะเข้าเรือนชะตาโลกที่ 1 ในวันที่ 18 ม.ค. 64 เวลา 1.15น. จากเดิมที่ดาวดวงนี้อยู่ในเรือนชะตาโลกที่ 12 มาเป็นเวลาหลายเดือนตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ในขณะนี้ส่งผลให้ประชาชนต้องรับหรือยอมรับต่อ “การจัดการ” ของผู้ปกครองหรือรัฐบาล ไม่ว่าผุ้ปกครองนั้นจะจัดการอย่างไรต่อประชาชน พวกเขาก็พร้อมที่จะรับหรือรับได้ (ทั้งในทางที่เป็นคุณหรือโทษต่อประชาชนคนส่วนใหญ่) แต่เมื่อดาวพระเคราะห์น้อยดวงดังกล่าวเข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 1 (ตามวันเวลาดังกล่าวแล้ว) จะส่งผลในทางกลับกันหลังจากนั้น นั่นคือ ประชาชนจะต้องการที่จะ “จัดการ” สิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง (ด้วยประชาชนเอง) กล่าวคือ ประชาชนจะเกิดความต้องการที่ออกมาจัดการสิ่งใด ๆ ด้วยตนเอง และจะมิใช่ผู้ที่ต้องรอรับการจัดการจากฝ่ายผู้ปกครองอีกต่อไปแล้ว ผู้ปกครองจะเป็นฝ่ายที่ไม่สามารถใช้ “การจัดการ” ใด ๆ ต่อประชาชนได้เพราะประชาชนไม่ต้องการจะรับเพียงฝ่ายเดียว

“การจัดการ” นี้คือการจัดการในเรื่องใดบ้าง ๆ ? ก็ต้องตอบว่า ดาวพระเคราะห์น้อยที่ว่านี้มีความหมายว่า “การจัดการ” เพียงเท่านี้ (เพราะดาวทุกดวงล้วนเป็นความหมายกลาง ๆ ที่เป็นพื้นฐานหรือส่วนประกอบของความเป็นมนุษย์ทุกคน) แต่จะเป็น “การจัดการ” ของประชาชนในเรื่องใดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของสังคนนั้น ๆ ด้วยว่าก่อนหน้านี้ (ตามดาวนี้อยู่เรือนชะตาโลกที่ 12) ประชาชนถูกหรือรับ “การจัดการ” ในเรื่องใดบ้าง พอดาวข้ามเรือนมาแล้วเรื่อง “การจัดการ” นั้นมันก็จะกลับกันนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ประชาชนถูกมาตราการการจัดการของรัฐบาลเรื่องโควิด หรือบางประเทศประชาชนอาจมาตราการการปราบรามของรัฐจากการประท้วง เป็นต้น เพราะดวงดาวนั้นส่งผลถึงคนบนโลกทั้งหมด ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ

ดาวพระเคราะห์น้อยดวงที่ว่านี้จะเข้าเรือนชะตาโลกที่ 1 ในวันที่ 18 ม.ค. 64 เวลา 1.15น. และจะเข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งช่วงเวลาที่ดาวดวงนี้อยู่ในเรือนชะตาโลกที่ 1, 2, 3 นี้จะถือว่าประชาชนมี “การจัดการ” สิ่งใด ๆ เป็นของประชาชนเอง เพียงแต่ในเรือนชะตาโลกที่ 1, 2, 3 นั้นจะมีรายละเอียดที่ต่างกัน และดาวพระเคราะห์น้อยดวงนี้จะเข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 4 ในวันที่ 10 ก.ย. 64 เวลา 10.31 น. ซึ่งการที่ดาวนี้ออกจากเรือนชะตาโลกที่ 3 ไปเข้าสู่เรือนที่ 4 นั้น ย่อมหมายความว่า “การจัดการ” กลายเป็นสิ่งที่ไปอยู่ในฝ่ายของ “ผู้อื่น” อีกครั้ง ซึ่ง “ผู้อื่น” ของประชาชนนี้ก็คือ ผู้ปกครองหรือรัฐบาลนั่นเอง

Ixion 2020 – 2021 Timeline

รูปนี้บอกให้ทราบถึงช่วงเวลาในการเคลื่อนที่ของดาว Ixion จากเรือนชะตาโลกที่ 9 ไป 10 ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแบบนั้นมีลักษณะที่แกว่งไปมา จึงมีช่วงเวลาที่ Ixion เข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 10 แล้วแต่ก็ยังแกว่งกลับมาอยู่เรือนชะตาที่ 9 ได้อีกจากนั้นก็แกว่งไปมาจนในที่สุดที่เข้าเรือนที่ 10 ไปในที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะทั้งโลกและดาว Ixion นั้นต่างก็เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ด้วยกันทั้งคู่ อิทธิพลของดาว Ixion ในเรือนชะตาโลกจึงมีลักษณะบางช่วงที่แกว่งไปมาได้เสมอ แม้ว่าในความเป็นจริงดวงดาวจะไม่ได้เคลื่อนที่ถอยหลังจริงๆ ก็ตาม

Read More

ดาว Ixion กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ผมเคยได้โพสเรื่องของดาว Ixion มาแล้ว เกี่ยวกับการโคจรข้ามเรือนชะตาโลกเรือนที่ 9 เข้าสู่เรือนที่ 10 แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดใด ๆ มาก แต่โพสนี้ผมจะลงรายละเอียดให้ผู้อื่นได้เข้าใจเกี่ยวกับดวงดาวนนี้มากยิ่งขึ้น (ในการอธิบายจำเป็นต้องกล่าวถึงทฤษฎีเรือนชะตาเพื่ออ้างอิงในหลักการทำนายด้วยแต่ผมจะกล่าวอย่างสรุปโดยย่อเพื่อไม่ให้เป็นการยืดยาวจนเกินไป ผู้อ่านสามารถไปตามอ่านได้จากบทความในภาคทฤษฎี) ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงดวงดาวที่ชื่อ “Ixion” ที่กำลังโคจรข้าม “เรือนชะตาโลก” จากเรือนชะตาโลกที่ 9 เข้าสู่เรือนชะตาโลกที่ 10 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อคนบนโลก หลักการทำนายมีเป็นหลักการที่ยึดหลักความเป็นเหตุเป็นผล มิใช่หลักการทำนายที่ต้องอาศัยความเชื่อหรือพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น การทำนายนี้มิใช่การทำนายที่เป็นการวิเคราะห์ไปตามสถานการณ์ แต่เป็นการทำนายจากผลที่เกิดขึ้นตามระบบเรือนชะตาที่มีการคำนวณตามหลักดาราศาสตร์ รวมไปถึงผลที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตจากการโคจรข้ามเรือนชะตาโลกของดาวดวงนี้ และดาว Ixion เป็นดวงดาวที่มีอยู่จริงได้รับการรับรองทางดาราศาสตร์สากลและมีการคำนวณปฏิทินดวงมาอย่างแน่นอนแล้ว

Read More

เรือนชะตาโลก

“เรือนชะตาโลก” คือ จักรราศี โดยแบ่งราศีต่างเป็นเรือนชะตา 12 เรือน เรือนชะตาโลกที่ 1 คือ ราศีเมษ และเรียงลำดับไปจนครบ 12 ราศี คือ 12 เรือน

เรือนชะตาโลกออกเป็นสองแบบ คือ

  • เรือนชะตาโลกที่อยู่ประจำตัวของคนแต่ละคน
  • เรือนชะตาโลกที่เคลื่อนตัวไปอยู่ ณ ปัจจุบันทุกขณะ
Read More

โหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ Part 3

ต่อไปจะเป็นหลักการในเบื้องต้นที่จะต้องมีเพื่อให้หลักการทำนายนั้นมีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถทพิสูจน์ได้ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อมนุษย์หรือไม่

โหราศาสตร์ต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงล้วนมีอิทธิพลต่อมนุษย์

เรื่องของจำนวนดวงดาวที่นำมาใช้ทำนายนี้ เราต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงล้วนมีอิทธิพลเสมอกันหมด เพราะเราไม่มีอำนาจหยั่งรู้ใดที่จะบอกได้ว่าดวงดาวนั้นมีอิทธิพลแต่ดวงดาวอื่นไม่มี อย่างนี้จะเป็นการเลือกใช้ดวงดาวตามอคติของคน หากเรามีสมมุติฐานว่าดวงดาวน่าจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในการพิสูจน์เราก็ต้องถือเอาดวงดาวทุกดวงว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ ไม่ควรที่จะเลือกเฉพาะดาวดวงใดดวงหนึ่งและตัดดาวดวงใดออกไป หากดวงดาวที่เป็นวัตถุที่อยู่นอกโลกนี้จะมีอิทธิพลต่อมนุษย์นั่นย่อมหมายความว่าดวงดาวทุกดวงก็ต้องล้วนมีอิทธิพลต่อมนุษยเสมอเหมือนกัน แต่ในทางสสารหรือพลังงานใด ๆ ที่ต่างกันของดวงดาวแต่ละดวงก็มีโอกาสที่ดวงดาวแต่ละดวงจะมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในแบบที่แตกต่างกันไป ที่ผมกล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า หากดวงดาวจะมีอิทธิพลก็ต้องมีอิทธิพลทุกดาว เพราะถือว่าเป็นดวงดาวเสมอกัน แต่หากจะมีดวงดาวที่มีอิทธิพลและมีดวงดาวที่ไม่มีอิทธิพล อย่างนี้ยิ่งจะดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก และเราจะไม่สามารถตอบได้เลยว่าเหตุใดดาวดวงหนึ่งมีอิทธิพลแต่ดาวดวงอื่น ๆ ไม่มีอิทธิพล แต่ทางที่สมเหตุสมผลมากที่สุดคือ หากดวงดาวจะมีอิทธิพลต่อมนุษ์มันก็ย่อมต้องมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในทุก ๆ ดวงดาว และหากดวงดาวจะไม่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ดาวทุกดวงก็ต้องไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่อมนุษย์เลย อีกด้านหนึ่งหากเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อมนุษย์ได้แม้แต่เพียงแค่ดวงเดียวนั่นก็ย่อมหมายความได้ว่าดวงดาวดวงอื่น ๆ ก็จะต้องมีอิทธิพลด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบว่าดาวดวงอื่น ๆ นั้นมีอิทธิพลอะไร แต่ก็ย่อมมีมูลให้เชื่อได้ว่ามีอิทธิพล

Read More

โหราศาสตร์ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ Part 2

โหราศาสตร์ต้องเป็นกฎของดวงดาวมิใช่กฎที่มนุษย์คิดขึ้นเอาเอง

ดังที่กล่าวไปแล้วจะเห็นได้ว่าโหราศาสตร์ในแบบเก่านั้นคือลักษณะที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยม ควรถือเป็นศาสตร์ที่หยุดการพัฒนาแล้วหรืออาจมีแต่ก็ไม่มาก คือไม่มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับความเจริญทางดาราศาสตร์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในปัจจุบันมีการค้นพบดวงดาวในระบบสุริยะอย่างน้อยก็หลักแสนดวงแล้ว มีการคำนวนปฎิทินดาวที่มีความแม่นยำ หากเราจะมีสมมุติฐานว่าดวงดาวน่าจะมีอิทธิพลอย่างใดต่อมนุษย์เสียแล้ว การพิสูจน์นั้นจะต้องยึดกฎของดวงดาวเป็นหลัก มิใช้ยึดในกฎที่คนสร้างขึ้นมาเอง กฎของดวงดาวก็คืออย่างน้อยเราต้องยึดถือตำแหน่งของดวงดาวตามความเป็นจริง และต้องถือว่าดวงดาวทุกดวงนั้นล้วนแต่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ด้วย แต่อาจจะมีอิทธิพลในแบบที่แตกต่างกันไป มิใช่จะยึดว่ามีดวงดาวเพียงแค่ไม่กี่ดวง (ดวงอาทิตย์ไปจนถึงดาวพลูโต เป็นต้น) เท่านั้นที่มีผลต่อมนุษย์ แต่ดาวดวงอื่นไม่มี หลักการอย่างนี้ดูน่าตลกมาก เราไม่สามารถตัดสินว่าดาวดวงใดมีผลและดาวดวงใดไม่มีผล ส่วนดาวที่ไม่รู้จักเราก็ถือว่ามันไม่มีผลอย่างนี้หรือ ?

Read More